วิชาความรู้เบื้องต้นทางการบริหารรัฐกิจ
(Introduction to Public
Administration)
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง
มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ภาคการศึกษาที่ 1/ ปีการศึกษา 2559
------------------------------------------------------
โดย พลเรือตรี รศ.ทองใบ ธีรานันทางกูร
สัปดาห์ที่ 11
เทคนิคเชิงปริมาณกับการนำมาใช้ในการบริหารรัฐกิจ ( Quantitativetechniques
in public Adminitration )
การศึกษาเทคนิคเชิงปริมาณในฐานะที่เป็นการศึกษาแนวหนึ่งของวิชาการบริหารรัฐกิจ
การศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคเชิงปริมาณในการบริหาร
ถือว่าเป็นแนวทางการศึกษาแนวทางหนึ่งของวิชาการบริหารรัฐกิจหรือรัฐประศาสนศาสตร์
ซึ่งการศึกษาในด้านนี้อาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิทยาการจัดการ(Management
Science) โดย Nicholas
Henry ได้จำแนกการศึกษาวิทยาการจัดการรวมอยู่ใน
Paradigm ของศาสตร์ทางการบริหาร(Administrative Science) ซึ่งศาสตร์ทางการบริหารนี้จะรวมถึงการศึกษาแนวทฤษฎีองค์การ(Organization
Theory) ด้วย
นักวิชาการบางกลุ่มจัดการศึกษาแนววิทยาการจัดการนี้อยู่ในการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์สำนักคณิตศาสตร์
ซึ่งเทคนิคเชิงปริมาณดังกล่าว ได้แก่
1.ไซเบอร์เนติก(Cybernetics)
2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ(Management
Information System: MIS)
3.
การวิจัยการปฏิบัติงาน(Operations Research: OR)
4.ตัวแบบจำลอง(Simulation)
5.
การใช้คณิตศาสตร์และสถิติในการจัดการ เช่น สมการเส้นตรง ทฤษฎีความน่าจะเป็น
6.
การวิเคราะห์สายการปฏิบัติงาน(Network Analysis) เช่น PERT, CPM
วิทยาการบริหาร
(Administrative Science) หมายถึง
การศึกษาที่เกิดจากการนำเอาความรู้ทางด้านวิทยาการจัดการ (Management
Science) มารวมเข้ากับความรู้ทางด้านพฤติกรรมศาสตร์(Behavioral
Science) ซึ่งได้แก่
จิตวิทยา สังคมวิทยา มาศึกษาการบริหารทั้งทางบริหารธุรกิจและบริหารรัฐกิจ
โยจะศึกษาเกี่ยวกับการวินิจฉัยสั่งการ หรือการตัดสินใจ(Decision
Making) การพัฒนาองค์การและภาวะผู้นำ
เทคนิคเชิงปริมาณ คือ
เทคนิคที่อาศัยสูตรทางคณิตศาสตร์และสถิติเข้าช่วย
แต่การนำเทคนิคเชิงปริมาณมาใช้ในการบริหารราชการโดยเฉพาะนั้นมีน้อย
ส่วนใหญ่จะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการนำเอามาใช้ในการบริหารธุรกิจ
ด้วยเหตุผลหลายประการ คือ
1.การบริหารธุรกิจมีจุดมุ่งหมายแตกต่างไปจากระบบราชการ
เนื่องจากองค์การธุรกิจมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือกำไรสูงสุด
ในขณะที่หน่วยราชการมิได้มุ่งหากำไร
ดังนั้นการนำเอาเทคนิคทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการบริหารธุรกิจจึงทำได้ง่ายกว่า
และสอดคล้องกับเทคนิคเชิงปริมาณมากกว่า
2.การตัดสินใจในระบบราชการ
ปัจจัยทางด้านการเมืองมีอิทธิพลในการตัดสินใจมากกว่าหลักเหตุผล
ในขณะที่การบริหารธุรกิจมีปัจจัยทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยกว่า
3.การบริหารธุรกิจเป็นกิจกรรมที่มีการแข่งขันสูงกว่าการบริหารรัฐกิจ
บทบาทและความสำคัญของเทคนิคเชิงปริมาณในการบริหารรัฐกิจ
การบริหารรัฐกิจในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเริ่มให้ความสำคัญในการนำเอาเทคนิคเชิงปริมาณมาใช้ในการบริหารงานมากยิ่งขึ้นด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.การบริหารงานมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
2.ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่
เช่น
1)การพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็ก
ราคาถูก และมีประสิทธิภาพ
2)
การพัฒนาไมโครคอมพิวเตอร์
3)
การพัฒนาระบบการติดต่อสื่อสาร เช่น คลื่นไมโครเวฟ
3.ต้องการความรวดเร็ว
และความถูกต้องในการให้บริการ
4.ภาวะการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดขององค์การ
5.นักวิชาการสาขาต่างๆได้นำเอาเทคนิคเชิงปริมาณไปใช้มากขึ้น
แนวคิดเรื่องระบบและทฤษฎีระบบ
แนวคิดเรื่องระบบ(System
Approach) เริ่มจากการเสนอความคิดของนักชีววิทยาชื่อ Ludwig
Von Bertanlanfly ประมาณทศวรรษ
1920 โดยได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎีระบบทั่วไป(General System
Theory) ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก
จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
นักวิชาการสาขาต่างๆโดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์เริ่มให้ความสนใจที่จะนำเอาแนวความคิดเรื่องระบบมาใช้ร่วมกันในการศึกษาวิทยาศาสตร์
เพื่อที่จะได้นความรู้แต่ละสาขามาใช้ร่วมกันได้
ในปี ค.ศ. 1947
Norbert Weiner ได้นำเอาแนวความคิดเรื่องระบบมาศึกษาลักษณะการติดต่อสื่อสารและการควบคุมในมนุษย์และเครื่องจักรหรือองค์การที่เป็นที่รวมของมนุษย์และเครื่องจักร
โดยเรียกระบบนี้ว่า Cybernetics
ทฤษฎีระบบทั่วไปหรือทฤษฎีระบบ
(General System Theory)
เป็นตัวแบบทางทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาที่เป็นสูตรคณิตศาสตร์ล้วนๆ
จนถึงทฤษฎีระบบที่สร้างขึ้นในศาสตร์เฉพาะสาขาต่างๆ ทฤษฎีระบบของ Bertanlanfly
นั้น
ถือว่าเป็นการสร้าง”โครงกระดูกของศาสตร์”
(The Skeleton of a Science) ที่ต้องการจะรวบรวมศาสตร์สาขาต่างๆให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ใช้กรอบของแนวคิด รูปแบบ และศัพท์ร่วมกันในการศึกษา
ประเภทและชนิดของเทคนิคเชิงปริมาณ
ประเภทและชนิดของเทคนิคเชิงปริมาณที่สำคัญ
มีดังนี้
1.ไซเบอร์เนติกส์(Cybernetics)
2.ระบบข่าวสารการบริหาร(Management
Information : MIS)
3.
การวิจัยปฏิบัติการหรือการวิจัยดำเนินการ(Operations Research) ซึ่งมีเทคนิคเชิงปริมาณที่นำมาใช้ได้แก่
1)
ทฤษฎีความน่าจะเป็น
2)
ทฤษฎีการตัดสินใจ
3.การพยากรณ์
4.ตัวแบบของสินค้าคงคลัง
5.
โปรแกรมเส้นตรง
6.แบบสถานการณ์จำลอง
7.
ทฤษฎีการรอคอย
8.ข่ายงานปฏิบัติงาน
9.ทฤษฎีเกม
ไซเบอร์เนติกส์
(Cybernetics)
ไซเบอร์เนติกส์
เป็นการพัฒนามาจากแนวความคิดเรื่องระบบ เป็นทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของวิทยาการจัดการ(Management
Science) หรืออาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นศาสตร์เกี่ยวกับข่าวสาร(Science
of Messages)
ไซเบอร์เนติกส์
เป็นการศึกษาว่าองค์การซึ่งเป็นที่รวมของคนและเครื่องจักร
จะสามารถใช้การติดต่อสื่อสารที่จะทำให้มีความมั่นใจว่าองค์การจะสามารถอยู่รอดได้
นอกจากนี้
ไซเบอร์เนติกส์ ยังเป็นสิ่งแสดงที่ให้เห็นว่า การที่จะเข้าใจถึงเครื่องจักร
มนุษย์และสังคมนั้นสามารถทำความเข้าใจได้จากการทำงานของระบบข่าวสาร
และการติดต่อสื่อสารในระบบนั้น
การศึกษาเรื่องไซเบอร์เนติกส์นั้นเริ่มมาจากการบุกเบิกการศึกษาของนักคณิตศาสตร์ของสหรัฐฯชื่อ
นอร์เบิร์ต ไวเนอร์(Norbert Weiner) ซึ่งได้เขียนหนังสือชื่อ “Cybernetics” ในปี ค.ศ. 1947 และในปี ค.ศ. 1950 ได้เขียนหนังสือชื่อ “The
Human Use Of Human Being” โดยศึกษาถึงรูปแบบของระบบต่างๆทั้งที่เป็นสิ่งที่มีชีวิตและเครื่องจักรกล
สามารถควบคุมการทำงานของตนได้อย่างไร
และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบข่าวสารและการติดต่อสื่อสารภายในระบบที่เป็นตัวควบคุมในการทำงานของระบบให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายทีต้องการ
ระบบข่าวสารเพื่อการบริหาร
ระบบข่าวสารเพื่อการบริหาร
หรือระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ คือ ระบบการจัดการที่พัฒนามาจากแนวคิดของระบบ
ทฤษฎีข่าวสารและระบบประมวลข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารและการตัดสินใจ
ระบบข่าวสารเพื่อการบริหารงาน
ซึ่งได้แก่ การวางแผน การควบคุม การประสานงาน การติดตามผลและการรายงาน
เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงสามารถควบคุมให้การดำเนินงานของหน่วยงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อจัดวางระบบข่าวสารและดำเนินการขององค์การต่างๆนั้น
กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้เพราะความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ทำให้มีการพัฒนาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ความหมายของระบบข่าวสารการบริหาร
ข้อมูล(Data)
หมายถึง
ความจริงต่างๆเกี่ยวกับวัตถุสิ่งของ มนุษย์ สถาบัน หรือประเทศชาติ
ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของสัญลักษณ์ ข้อความ ตัวเลข รูปภาพ เป็นต้น
ข้อมูลนี้จะอยู่ในรูปที่ยังไม่ได้ประเมินค่าหรือตีความให้มีความหมาย
บางทีเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ข้อมูลดิบ(Raw Data)
ข่าวสาร(Information)
เป็นข้อมูลบั้นปลายที่มีการเปลี่ยนรูปแล้ว
ให้อยู่ในรูปที่มีความหมายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น รายงานข่าว
รายงานการประชุมประจำปี หนังสือพิมพ์
เป็นต้น หรืออาจกล่าวได้ว่าข่าวสารก็คือข้อมูลดิบที่มีการประมวลผลแล้ว ส่วนกระกระบวนการทำการเปลี่ยนรูปจากข้อมูลดิบให้เป็นข่าวสารที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้นั้นเรียกว่า
กระบวนการประมวลผลข้อมูล(Data Processing Process)
ประเภทของข่าวสารการบริหาร
ข่าวสารการบริหาร
แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1.ข่าวสารสำหรับนักบริหารระดับสูง
เป็นข่าวสารสำหรับวางแผนและการตัดสินใจที่สำคัญของนักบริหารระดับสูง เช่น
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเป้าหมายของหน่วยงาน การกำหนดนโยบายการขยายหน่วยงาน เป็นต้น
2.ข่าวสารสำหรับนักบริหารระดับกลาง
จะเป็นข่าวสารเกี่ยวกับการนำเอาแผนและการตัดสินใจที่สำคัญของนักบริหารระดับสูงมาดำเนินการ
ลักษณะงานจะเกี่ยวข้องกับการวางแผนปฏิบัติการระยะสั้น และการควบคุมให้เป็นไปตามแผน
3. ข่าวสารสำหรับนักบริหารระดับล่าง
เป็นข่าวสารสำหรับการดำเนินงาน เป็นเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมประจำวันขององค์การ เช่น
การบัญชีเกี่ยวกับการเงิน บัญชีจ่ายเงินเดือน บัญชีรายชื่อบุคลากร
บัญชีอุปกรณ์คงคลัง และบัญชีส่งกำลังบำรุง
---------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น